ใบความรู้ที่ 5
Asean+3
ASEAN +3
อาเซียน+3 คือ กลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นสมาชิกในอาเซียน
10 ประเทศ และประเทศเพิ่มมา 3 ประเทศ
ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคเอเชียตะวันออกด้านการเมืองและความมั่นคง
ด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเงิน ด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศโลก
ด้านสังคมและวัฒนธรรมประเทศจีน
1. ประเทศจีน
2.
ประเทศญี่ปุ่น
ชื่อทางการ : ญี่ปุ่น(Japan)
เมืองหลวง : โตเกียว(Tokyo)
พื้นที่ : 377,944ตร.กม.
ระบบการปกครอง : ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา
วันชาติ : 11 กุมภาพันธ์
ภาษาราชการ : ภาษาญี่ปุ่น
เวลา : GMT+9เร็วกว่าประเทศไทย 2 ชม.
สกุลเงิน : เยน (JPY)
ดอกไม้ประจำชาติ : ดอกซากุระ(Cherry Blossom)
อาหารประจำชาติ : ซูชิ(Sushi)
|
ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น
(AJCEP)
ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น
ซึ่งมีการลงนามเมื่อเดือนเมษายน 2551 และมีผลใช้บังคับในเดือนธันวาคมของปีเดียวกัน
มีสาระครอบคลุมในประเด็นต่างๆเช่น การค้าสินค้าการค้าบริการ การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจซึ่งจะก่อให้เกิดความสมดุลทางการค้าและการลงทุนที่มีเสถียรภาพในภูมิภาคต่อไป อาเซียนและญี่ปุ่นมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศคิดเป็น
6.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐสำหรับปี 2553 การค้าระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่นมีมูลค่า
213.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ
การจัดทำความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่นจะส่งผลให้ผู้บริโภคในอาเซียนและญี่ปุ่นมีโอกาสบริโภคสินค้าและบริการในราคาที่ต่ำลงอันเป็นผลจากการลดและยกเลิกภาษีซึ่งจะส่งผลให้คุณภาพชีวิตของประชากรทั้งสองกลุ่มดียิ่งขึ้น
การค้าสินค้า
การลดและยกเลิกภาษี
ญี่ปุ่นจะต้องลดอัตราภาษีสำหรับรายการสินค้าร้อยละ 92
ของจำนวนรายการสินค้าทั้งหมด
และลดภาษีตามมูลค่าของการค้าสินค้าลดภาษีปกติ (Normal Track)โดยลดลงเหลือ
0 ภายใน 10 ปี
หลังจากความตกลงมีผลใช้บังคับ สำหรับสมาชิกอาเซียนเดิม6 ประเทศ
(บรูไนดารุสซาลาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย)
และเวียดนามจะต้องลดอัตราภาษีสำหรับสินค้าลดภาษีปกติ (Normal Track) ลงเหลือ 0 ภายในเวลา 10 ปี
หลังความตกลงมีผลใช้บังคับ โดยมีรายการสินค้าประมาณร้อยละ 90 ของจำนวนรายการสินค้าทั้งหมดส่วนเวียดนามจะต้องลดอัตราภาษีสำหรับรายการสินค้าร้อยละ
90 ของจำนวนรายการสินค้าทั้งหมดและลดภาษีตามสัดส่วนมูลค่าการค้าสำหรับสินค้าลดภาษีปกติ
(Normal Track) ภายใน10 ปี
หลังจากความตกลงมีผลใช้บังคับ สำหรับประเทศกัมพูชา สปป.ลาว และพม่า
จะลดอัตราภาษีลงเหลือ 0 ภายในเวลา 13 ปี
โดยมีรายการสินค้าร้อยละ 90 ของจำนวนรายการสินค้าทั้งหมดสำหรับการลดและยกเลิกภาษีสำหรับสินค้าอ่อนไหวสูง
สินค้าอ่อนไหว และสินค้ายกเว้นจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันไป
นอกจากนี้สมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่นจะมีการหารือทวิภาคีในเรื่องtariff cut โดยคำนึงถึงความอ่อนไหวของทั้งสองฝ่าย
กฏว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า
กฏว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าที่กำหนดขึ้นภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น
จะช่วยสนับสนุนการสะสมมูลค่าวัตถุดิบภายในภูมิภาคซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่อุตสาหกรรมอาเซียนและบริษัทต่างๆ
ของญี่ปุ่นที่ประกอบการในอาเซียน เช่น มิตซูบิชิโตโยต้า เป็นต้น รวมทั้งบริษัทอิเล็กทรอนิคส์ที่ประกอบการและมีการลงทุนจำนวนมหาศาลในอาเซียน
สำหรับกฏว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงฯ มีกฎทั่วไป (General Rule) ว่าด้วยสัดส่วนมูลค่าเพิ่มในการผลิตภายในภูมิภาค
(Regional Value Content) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40หรือการเปลี่ยนแปลงพิกัดอัตราศุลกากรในระดับ 4 หลัก
(CTH - Change in Tariff Heading)
ซึ่งเป็นการยืดหยุ่นให้แก่ผู้ส่งออกและผู้ผลิตในการเลือกกฎเกณฑ์ที่จะนำไปใช้และขยายโอกาสในการทำตามกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อใช้ประโยชน์จากการให้สิทธิพิเศษทางศุลกากร
การบริการและการลงทุน
การเจรจาด้านการบริการและการลงทุนเริ่มต้นการเจรจาอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม
2554 และมีเป้าหมายจะสรุปการเจรจาภายในปี
2555
กลไกระงับข้อพิพาท
ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น
ได้บรรจุบทบัญญัติเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทเพื่อแก้ปัญหาในกรณีเกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับการตีความข้อตกลงการค้าสินค้า
(TIG)
ประโยชน์ที่ได้รับ
ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น
จะทำให้นักลงทุนจำนวนมากหลั่งไหลสู่อาเซียน
ซึ่งคาดการณ์ว่าจะช่วยลดความแตกต่างทางเศรษฐกิจระหว่างประชากรในอาเซียนและญี่ปุ่นซึ่งมีจำนวนรวมกว่า
711 ล้านคน ทั้งนี้
มูลค่า FDI จากญี่ปุ่นในอาเซียนตั้งแต่ปี 2545-2551 คิดเป็นมูลค่า 45 พันล้านเหรียญสหรัฐ
และคาดว่าจะมีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมไปกับการดำเนินการต่างๆ
ตามความตกลงฯ
3. ประเทศเกาหลีใต้
ชื่อทางการ : สาธารณรัฐเกาหลี (Republic of Korea)
เมืองหลวง : โซล(Seoul)
พื้นที่ : 98,480 ตร.กม.
ระบบการปกครอง : ประชาธิปไตยระบอบกึ่งประธานาธิบดี
วันชาติ : 3 ตุลาคม
ภาษาราชการ : ภาษาเกาหลี
เวลา : GMT+9เร็วกว่าประเทศไทย
2 ชม.
สกุลเงิน : วอน (KRW)
ดอกไม้ประจำชาติ : ดอกมูกุงฮวา(Rose of Sharon)
อาหารประจำชาติ : กิมจิ(Kimchi)
|
เขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
(AKFTA)
สาธารณรัฐเกาหลี
เป็นประเทศที่สองที่เป็นคู่เจรจาเขตการค้าเสรีกับอาเซียน โดยในปี
2548 อาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีได้ลงนามกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่าง ครอบคลุมระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลี (Framework Agreement on
Comprehensive Economic Cooperation: FA) รวมทั้งความตกลงอีก 4
ฉบับเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรี โดยในปี 2552 สาธารณรัฐเกาหลีเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญอันดับที่ 5 ของอาเซียนโดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกันเท่ากับ 74,700 ล้านเหรียญสหรัฐและมูลค่าการลงทุนทางตรงจากสาธารณรัฐเกาหลีมายังอาเซียนเท่ากับ
1,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2553 อาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
มูลค่าการค้าระหว่างกันเท่ากับ 97,294.22 ล้านเหรียญสหรัฐ
การค้าสินค้า
ความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
(AK-TIG) มีการลงนามเมื่อวันที่
24 สิงหาคม 2549 โดยให้สิทธิพิเศษทางด้านการค้าสินค้าระหว่างประเทศภาคีอาเซียน
10 ประเทศและสาธารณรัฐเกาหลี ได้แก่
การลดและยกเลิกภาษีระหว่างกัน โดยในวันที่ 1 มกราคม 2553
อาเซียน 5 ประเทศ (บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย
ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์) และสาธารณรัฐเกาหลีได้มีการยกเลิกภาษีสินค้าในกลุ่ม Normal
Track ลงเกือบร้อยละ 90
สำหรับประเทศสมาชิกใหม่ของอาเซียน
ได้แก่ เวียดนาม กัมพูชา สปป.ลาว และพม่า จะมีระยะเวลาการปรับตัวนานกว่า
เนื่องจากมีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจไม่เท่ากับอาเซียนอื่น สำหรับเวียดนาม
สินค้า Normal Track อย่างน้อยร้อยละ
50 จะลดภาษีลงเหลือร้อยละ 0-5 ภายใน 1
มกราคม 2556 และเพิ่มเป็นร้อยละ 90
ภายใน 1 มกราคม 2559 สำหรับกัมพูชา
สปป.ลาว และพม่า (CLM) สินค้าNormal Track อย่างน้อยร้อยละ 50 จะลดภาษีลงเหลือร้อยละ 0-5
ภายใน 1 มกราคม 2558 และเพิ่มเป็นร้อยละ 90 ภายใน 1 มกราคม 2561 ซึ่งภายในปี 2560 และ
2563 สินค้าในกลุ่มNormal Track ของเวียดนาม
กัมพูชา สปป.ลาว และพม่าจะมีการเปิดตลาดอย่างสมบูรณ์โดยมีอัตราภาษีร้อยละ 0
ในส่วนของประเทศไทยที่มีการลงนามในความตกลงฯ เมื่อปี 2550 นั้น อัตราภาษีสำหรับสินค้าใน Normal Track จะค่อยๆ
ลดลงจนกระทั่งยกเลิกภายในปี 2559 และ 2560
การค้าบริการ
ความตกลงว่าด้วยการค้าบริการอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
(AK-TIS) มีการลงนามเมื่อวันที่ 21
พฤศจิกายน 2550 เพื่อส่งเสริมการเปิดตลาดและเพิ่มความสามารถในการเข้าตลาดของผู้ให้ บริการอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีซึ่งความตกลงฯ
จะผูกพันการเปิดตลาดในระดับที่สูงกว่า ความตกลงด้านการค้าบริการ
(GATS) ภายใต้กรอบขององค์การการค้าโลก (WTO) โดยจะครอบคลุมถึงสาขาต่างๆ ที่อยู่ในภาคบริการมากขึ้น
รวมทั้งมีการผ่อนคลายกฎระเบียบในการเข้าตลาดและวิธีปฏิบัติเช่น ภาคธุรกิจ
การก่อสร้าง การศึกษา การสื่อสาร สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวและการคมนาคม เป็นต้น
การลงทุน
ความตกลงว่าด้วยการลงทุน
(AK-AI) มีการลงนามเมื่อวันที่
2 มิถุนายน 2552 โดยมีเป้าหมายเพื่อเปิดเสรีด้านการลงทุน
อำนวยความสะดวก สร้างความโปร่งใสและบรรยากาศในการลงทุนที่มีความปลอดภัย
สาระสำคัญของความตกลงฯ คือ การคุ้มครองการลงทุนระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลี
ซึ่งรวมถึงการปฎิบัติที่เป็นธรรม
การเคลื่อนย้ายเงินทุนที่ได้รับการคุ้มครองตลอดจนการชดเชยในกรณีที่มีเหตุการณ์ไม่สงบหรือมีการเวนคืนของรัฐ
ความตกลงว่าด้วยการลงทุน(AK-AI) นี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่
1 กันยายน 2552 อย่างไรก็ตามการเจรจาจะยังคงดำเนินต่อไปเนื่องจากอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีต้องการบรรลุวาระสืบเนื่อง
(built-in agenda items) ในเรื่องการพัฒนาข้อผูกพันในการเข้าสู่ตลาด
(the development of market access commitments)หรือ ตาราง
ข้อสงวน (schedules of reservations) โดยจะมีการสรุปการหารือในเรื่องดังกล่าวภายใน
5 ปีนับจากวันที่ความตกลงมีผลใช้บังคับ
กลไกการระงับข้อพิพาท
ความตกลงว่าด้วยกลไกการระงับข้อพิพาท
(Agreement on Dispute Settlement
Mechanism : DSM) มีการลงนามเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม
2548 เพื่อเป็นกลไกสำหรับระงับข้อพิพาทต่างๆ
ของประเทศภาคีที่อาจเกิดจากการตีความและการใช้บังคับความตกลงต่างๆ
ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
ประโยชน์ที่จะได้รับ
ความตกลงอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
จะเป็นประโยชน์ในด้านรักษาศักยภาพในการส่งออกของอาเซียนในตลาดเกาหลี
โดยเฉพาะการแข่งขันกับอาเซียนอื่นและประเทศที่สามที่ได้จัดทำ FTA กับสาธารณรัฐเกาหลีแล้ว
การดึงดูดนักลงทุนเกาหลีให้ย้ายฐานการผลิตและการลงทุนมาอาเซียนมากขึ้นและเพิ่มโอกาสในการเจรจาลดอุปสรรคมาตรการที่มิใช่ภาษี
เช่น มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) และอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า (TBT) เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น